ความเชื่อแปลกๆ ที่มีอยู่จริงและคิดเป็นตุเป็นตะมีให้เห็นได้ทั่วทุกมุมโลก แค่ความเชื่อของประเทศไทยเรานั้นก็เยอะพอแล้ว ถ้ารู้ทั่วโลกจะขนาดไหนกันนะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาดูกันว่าความเชื่อของแต่ละที่นั้นจะแปลกขนาดไหน มีของไทยด้วยนะ

อย่าเดินลอดใต้บันได
การเดินผ่านบันไดที่วางพาดไว้กับกำแพงหรือผนัง หรือบันไดหน้าอาคาร ที่มีรูปลักษณะเหมือนรูปสามเหลี่ยม ตามความเชื่อของชาวตะวันตกเชื่อกันว่าจะประสพเคราะห์ร้าย ตามตำนานมาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับการประหารชีวิตนักโทษในสมัยก่อน ผู้ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอที่หลักประหาร จะถูกนำไปที่ยอดบนสุดของบันได แล้วจึงถูกปล่อยห้อยแขวนไว้จนสิ้นใจ ทำให้เชื่อกันว่า วิญญาณผู้ตายไม่สงบสุขจึงต้องวนเวียนอยู่ที่ใต้บันไดอยู่เสมอ

อย่าใช้หวีที่หักแล้ว
ไม่ว่าจะหวีไม้หรือพลาสติกก็ตาม มีความเชื่อว่าหากหวีผมอยู่แล้วหวีหัก ให้คิดไว้เลยว่าจะมีเรื่องร้ายเรื่องไม่ดีตามมา วิธีแก้เคล็ดคือ ให้ทิ้งไปเสีย อย่าเสียดายและอย่าเก็บกลับมาซ่อมหรือใช้ต่อ

อย่าตัดเล็บตอนกลางคืน
ความเชื่อนี้อยู่ที่ชาวอินเดีย เชื่อว่าการตัดเล็บในตอนกลางคืนจะนำความโชคร้ายมาสู่ตนเอง เช่นเดียวกับความเชื่อเรื่อง ไม่ควรตัดผมในวันเสาร์

อย่าเคี้ยวหมากฝรั่งตอนกลางคืน
ชาวตุรกีเชื่อว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งในตอนกลางคืน มันจะกลายเป็นการเคี้ยวเนื้อคนตาย ซึ่งคนที่นี่ต่างปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด หลังพระอาทิตย์ตกดิน ก็ไม่มีใครหยิบหมากฝรั่งมาเคี้ยวเล่นกัน

เลข 13
หนึ่งในอาถรรพ์ที่เลื่องชื่อที่สุดของโลก ชาวตะวันตกเชื่อว่าเลข 13 นำมาซึ่งความโชคร้าย โดยเฉพาะวันศุกร์ 13 ตำนานส่วนหนึ่งเชื่อว่า ในอดีมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับจำนวน 13 มากมาย หนึ่งในนั้นคืออาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูทรงร่วมโต๊ะพร้อมกับสาวกทั้ง 12 คน

ทำนายอนาคตด้วยกระดูกสัตว์ปีก
ชาวอิทรุสกันเชื่อว่าสัตว์ปีกจำพวกนกสามารถบอกได้ถึงอนาคต การนำกระดูกของพวกมันมาทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำมาใช้ในการทำนายดวงชะตาจะทำให้ได้รับพลังในการหยั่งรู้ และเมื่ออธิษฐานจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง

อย่าเหยียบรอยร้าว
ความเชื่อโชคลางมาจากชาวยุโรป และชาวแอฟริกันอเมริกัน ว่ากันว่า รอยร้าวเป็นช่องว่างระหว่างโลกใบนี้กับอีกโลกหนึ่ง การก้าวเหยียบ หรือการยืนบนรอยเหล่านั้นจะนำโชคร้าย และปัญหาสุขภาพมาให้กับเจ้าตัว หรือคนอื่นๆ ในบ้าน

อธิษฐานกับขนตา
ความเชื่อนี้มาจากอังกฤษ และไอร์แลนด์ เป็นการอธิษฐานกับขนตาที่ร่วงหลุด ด้วยการวางมันไว้บนหลังมือ เเล้วโยนข้ามไหล่ หากขนตานั้นหลุด และข้ามไปคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง

ความเชื่อเลข 4
หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องที่ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่ปลื้มและหลีกเลี่ยงที่จะใช้เลข 4 เพราะคำว่าสี่พ้องเสียงกับคำว่า ‘สื่อ’ ที่แปลว่า ตาย ในภาษาจีน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ชาวจีนจะถือว่า 4 เป็นสัญลักษณ์ความโชคร้าย

เทศกาลกินเจ
เชื่อว่าคนไทยคงคุ้นเคยกับเทศกาลกินเจในประเทศไทยอย่างดี สำหรับฝรั่งต่างประเทศอาจหลงเข้าใจผิดถ้าฟังแค่ชื่อ เพราะหลงคิดว่าเป็นเทศกาลที่รับประทานแต่อาหารมังสวิรัติ แต่หากเป็นเทศกาลกินเจในจังหวัดภูเก็ตล่ะก็ มันจะแตกต่างออกไปจากชื่ออย่างสิ้นเชิง
เทศกาลกินเจในภูเก็ต มีต้นกำเนิดมาจากประเพณีของลัทธิเต๋า ที่ชาวจีนที่เรียกว่า”เจี๊ยะฉ่าย” โดยจัดขึ้นเป็นเวลา 9 วัน โดยจะมีการเดินขบวนแสดงอภินิหารของ “ม้าทรง” จำนวนมาก ด้วยการนำของมีคม เหล็กแหลม แทงเข้าร่างกายของตนเอง โดยมีการอ้างว่าม้าทรงเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น

อย่าเดินถอยหลัง
ความเชื่อนี้เป็นของชาวโปรตุเกต เชื่อว่าการเดินถอยหลังเสมือนกับการเชื่อมต่อกับมารร้าย เพราะพวกปีศาจจะรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและกำลังจะไปที่ไหน

อวยพรด้วยน้ำเปล่า
ในเยอรมนีเชื่อว่าการดื่มอวยพรด้วยน้ำเปล่า จะนำมาซึ่งโชคร้าย หรือเสียชีวิต ถึงแม้ว่าความเชื่อนี้จะมีที่มาจากกรีกโบราณ ตามเทพปกรณัมกรีกวิญญาณของคนตาย มักจะดื่มน้ำจากแม่น้ำ Lethe ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความหลงลืม หลังจากที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำวิญญาณก็จะลืมชีวิตที่อยู่บนโลกก่อนจะเดินทางสู่นรกภูมิ

ดอกไม้สีเหลือง
ดอกไม้คือของขวัญที่นิยมให้กันอย่างแพร่หลาย แต่สำหรับบางประเทศก็มีข้อยกเว้นและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ อย่างเช่น รัสเซียซึ่งเชื่อว่าดอกไม้สีเหลือง เป็นสัญลักษณ์ของการแยกทางกัน ความไม่ซื่อสัตย์ หรือความตาย
จงพูดคำว่า “rabbit rabbit” วันแรกของเดือน
วิธีนี้ชาวบริติชต่างใช้กันอย่างแพร่หลายในวันแรกของเดือนใหม่ ซึ่งปฏิบัติมายาวนานกว่า 2,000 ปีแม้ว่าจะเพิ่งจะได้รับการบันทึกเมื่อศตวรรษที่ 19 นี้ก็ตาม ความเชื่อที่ว่านี้คือ ถ้าคุณพูดคำว่า “rabbit rabbit” ในวันแรกของเดือนใหม่คุณจะพบกับความโชคดีไปตลอดทั้งเดือน แต่ถ้าลืมพูดก็สามารถพูดคำว่า “tibbar tibbar” (เป็นการพูด rabbit กลับหลัง) ก่อนเข้านอน
ตากระตุก
หากเป็นในช่วงกลางวัน ถ้าตาซ้ายกระตุก ว่ากันว่าจะมีเคราะห์ โชคร้าย โชคไม่ดี ผิดหวัง แต่ถ้าเป็นตาขวาจะโชคดี มีโชคมีลาภ ส่วนตอนกลางคืน หากตาขวากระตุกจะไม่ดี อาจมีเคราะห์หรือเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นตาซ้ายจะได้รับโชคลาภจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัว
จิ้งจกร้องทัก
คนโบราณมีความเชื่อกันว่า ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด หากได้ยินเสียงจิ้งจกร้องทัก ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม โดยเฉพาะหากอยู่ด้านหลังหรือตรงกับศีรษะของคุณ เพราะโดยปกติแล้วถึงแม้ว่าเราจะสามารถพบเห็นจิ้งจกได้ทั่วไปและบ่อยครั้ง แต่มันมักจะไม่ค่อยร้อง ดังนั้นแนะนำว่าให้เลื่อนการเดินทางเลย อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่อย่างน้อยก็รอให้เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งจะดีที่สุด เพราะการที่อยู่ๆ จิ้งจกก็ร้องถือเป็นลางร้าย อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่ดีได้ แต่อย่างไรก็ตามหากว่าเสียงร้องของจิ้กจกอยู่ทางด้านหน้าหรือซ้ายมือ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อาจจะมีโชคลาภ หรือช่วยให้การเดินทางเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย ราบรื่น
ห้ามขานรับ หากได้ยินเสียงคนร้องทักตอนกลางคืน
เพราะเชื่อกันว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณที่อาจจะมาหลอกหลอนหรือมาขอส่วนบุญส่วนกุศล หรือหากมองให้ลึกลงไปอีก หากเราขานรับ จะเปรียบเสมือนเป็นการเชื้อเชิญหรือยอมรับ ให้ดวงวิญญาณนั้นๆ เข้ามาในบ้าน และอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีได้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ความเชื่อแปลกๆ จากทั่วโลก ใครจะเดินทางไปเที่ยวประเทศไหน แนะนำว่าให้ศึกษาเรื่องความเชื่อ วัฒนธรรม และกฎหมายของประเทศนั้นๆด้วยนะ เพราะความเชื่อเหล่านี้ เขาทำกันอย่างจริงจังเลยทีเดียวเชียว
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ : การเลือกกางเกงยีนส์ ให้เข้ากับหุ่นของเรา
เรื่องที่อาจเกี่ยวข้อง : 10 หนังผีสุดหลอน น่ากลัวระดับขึ้นหิ้ง