อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ชายที่ถูกขนานนามว่าเป็น ไอรอนแมน ในโลกความเป็นจริง เราคงคุ้นหู กับชื่อนี้มาบ้าง เขาเป็นถึง CEO ของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังระดับโลก เช่น Tesla รถยนต์ไร้คนขับ และโครงการสำรวจอวกาศ SpaceX นั้นเอง นอกจากนี้เขายังได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 83 ของโลกในปี 2016 อีกด้วย ชีวิตของเขาจะน่าสนใจมากแค่ไหน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้กัน

มัสก์ฉายแววความเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาอายุ 8 ขวบ มัสก์อ่านหนังสือหมดห้องสมุด อายุ 10 ขวบเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์ อายุ 12 เรียนเขียนโปรแกรม BASIC จบใน 3 วัน (ในขณะที่คนทั่วไปอาจใช้เวลาถึง 6 เดือน) แถมยังเขียนเกมขายอีกด้วย ที่น่าสนใจคือ ตอนอายุ 14 มัสก์อ่านหนังสือเรื่อง The Ultimate Hitchhiker’s Guide to the Galaxy ซึ่งเป็นเรื่องราวของการท่องอวกาศ แล้วเกิดได้แรงบันดาลใจขึ้นมา จนตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตเพื่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์
มัสก์และเพื่อนได้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ X.com ในปี 1999 ซึ่งเป็นธนาคารออนไลน์ ตอนเขาอายุได้เพียง 28 ปี โดยใช้เงินตัวเองลงทุนถึง 10 ล้านดอลล่าร์ จนปีถัดมา บริษัทของเขาก็ซื้อกิจการสตาร์ทอัพฟินเทคแห่งหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาเป็นเว็บไซต์ PayPal ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ด้วยความที่มองการณ์ไกลและเปี่ยมด้วยจินตนาการ มัสก์เลยกลายเป็นนักธุรกิจตัวยงที่ผุดบริษัทล้ำ ๆ ขึ้นมากลางซิลิคอนวัลเลย์ เขาใช้เงินถึง 70 ล้านดอลล่าร์ในการก่อตั้ง Tesla Motors รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตนเอง พร้อม ๆ กับนำร่องโครงการที่เกี่ยวกับอวกาศของเขา คือ SpaceX
ซึ่งมีภารกิจที่จะนำร่องธุรกิจสำรวจอวกาศ ทั้งสองบริษัทผ่านช่วงเวลาล้มลุกคลุกคลาน หวิดจะล้มละลายไปแล้วหลายครั้งครับ จรวดของมัสก์เองก็ทดสอบล้มเหลวถึง 3 ครั้ง จนเขาพบว่า เขามีเงินเหลือสำหรับการปล่อยจรวดครั้งที่ 4 อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากล้มเหลวอีก…โครงการ SpaceX ก็เป็นอันโดนพับเก็บไปพร้อมกับความฝันของเขา
การปล่อยจรวด Falcon ครั้งที่ 4 นอกจากประสบความสำเร็จแล้ว ยังมีความสำคัญที่พลิกเกมใหม่ในธุรกิจอวกาศ ด้วยคอนเซ็ปต์ “Reusable Rocket” ของ Space X ที่ช่วยลดต้นทุนการปล่อยจรวดได้ 100% เพราะจรวดในโครงการนี้สามารถนำกลับมา “ใช้ได้ใหม่อีกครั้ง” จรวด ก็คือ ยานพาหนะที่นำพาดาวเทียมหรืออุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ ไปส่งยังเป้าหมายในอวกาศ
โดยทั่วไปจรวดจะกลายเป็นขยะหลังจากถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศแล้ว โดยมันจะทิ้งชิ้นส่วนเหล่านั้นตกลงมาในมหาสมุทร แทนที่จะนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง เป็นผลให้การปล่อยจรวดแต่ละครั้งต้องสร้างจรวดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้นทุนการผลิตมีมูลค่าหลายสิบล้านถึงหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ
แต่จรวด SpaceX Falcon 9 ถูกสร้างมาให้ลงจอดในฐานจรวดได้เหมือนเดิมหลังจากขนส่งสัมภาระไปยังสถานีอวกาศนานาชาติเรียบร้อยแล้ว และสามารถทำความสะอาด เติมเชื้อเพลิงเพื่อเตรียมใช้ต่อไปได้อีก
แนวคิดหลากหลาย เป้าหมายหนึ่งเดียวคือ ช่วยเหลือมวลมนุษย์
เรื่องราวการท่องอวกาศติดอยู่ในใจของเขามาตลอด จนช่วงปลายปี 2543 มัสก์ในวัย 29 ปี ย้ายมาอยู่ที่ลอสแองเจลีส และเริ่มเรียนรู้การสร้างจรวดจากการอ่านหนังสือ ปีถัดมาเขาเดินทางไปรัสเซียเพื่อขอซื้อจรวดสำหรับปฏิบัติภารกิจโอเอซิสบนดาวอังคาร (Mars Oasis) หวังจะสร้างกรีนเฮาส์และปลูกพืชที่นั่น แต่การเจรจาล้มเหลว เขาพบว่าราคาจรวดแพงเกินไป เขาคำนวณว่าต้นทุนของจรวดเป็นเพียง 3% ของราคาขาย เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เพื่อสร้างจรวดของตัวเอง โดยมีเป้าหมายระยะยาว คือ การสร้างอาณานิคมมนุษย์บนดาวอังคาร
ในปี 2558 บริษัทของเขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการนำจรวดลงจอดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และต่อยอดในปี 2560 โดยการนำจรวดที่ใช้แล้วส่งดาวเทียมขึ้นอวกาศได้สำเร็จ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในปัจจุบัน บริษัทสเปซเอ็กซ์มุ่งมั่นกับโครงการ “Interplanetary Transportation System” (ระบบขนส่งมนุษย์ระหว่างดวงดาว) โดยทำการทดลองปล่อยจรวดรุ่นต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการโดยสารมนุษย์บนเส้นทางอวกาศอย่างปลอดภัยและรวดเร็วที่สุด

Tesla กับรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด มัสก์ไม่ได้มองแค่การพาเพื่อนมนุษย์ออกไปสร้างอาณานิคมใหม่บนดาวอังคารเท่านั้น แต่ยังมองถึงการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นด้วย ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับโครงการโอเอซิสบนดาวอังคาร เขาคิดเรื่องการสร้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เขาจึงก่อตั้งบริษัทเทสลาขึ้นมาในปี 2546 และสิ่งนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปี 2551 เทสลา โรดสเตอร์ (Tesla Roadster) เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด เก็บพลังงานในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้านั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ต้องเผาไหม้เชื้อเพลิงเหมือนรถที่ใช้พลังงานน้ำมัน
Neuralink เชื่อมโยงสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ นิวรัลลิงก์ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ อีลอน มัสก์ ก่อตั้งในปี 2560 และเพิ่งมีการแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ 2 เป้าหมาย
เป้าหมายแรก มัสก์ต้องการช่วยเหลือผู้ที่สูญเสียการควบคุมร่างกาย อย่างเช่น ผู้ป่วยอัมพาต ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ให้สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ตามความรู้สึกนึกคิดโดยตรง ผ่านเทคโนโลยี “สายสื่อประสาท” (threads) ที่เชื่อมต่อเข้าสู่สมอง หากเทคโนโลยีนี้สำเร็จ ก็จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับบุคคลทั่วไปในการควบคุมคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนผ่านความคิดโดยตรงได้
เป้าหมายที่สอง มัสก์มองปัญญาประดิษฐ์ (AI) ว่าอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ เพราะเห็นว่าอัตราก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับการประมวลผลจากสมองของมนุษย์ที่เชื่องช้ากว่ามาก ซึ่งเขามองว่าโครงการนิวรัลลิงก์ของเขาจะสามารถแก้ไขความเป็นปฏิปักษ์ของปัญญาประดิษฐ์ที่มีต่อมนุษย์ โดยการเชื่อมโยงทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน และอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน

The Boring Company ขุดอุโมงค์ขนส่งที่เร็วกว่าเครื่องบิน ชื่อ เดอะ บอริง คอมปานี (The Boring Company) หากอ่านชื่อภาษาอังกฤษผ่าน ๆ อาจจะเข้าใจว่าหมายถึง”บริษัทที่น่าเบื่อ” อย่างไรก็ตาม คำคำนี้ยังแปลว่า “การขุดเจาะ” ได้อีกด้วย
ซึ่งการที่มัสก์ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาในปี 2560 นั้น มีที่มาจากการที่เขาเหนื่อยหน่ายกับปัญหารถติดในเมืองลอสแองเจลีส ซึ่งในตอนแรก บริษัทนี้อยู่ภายใต้บริษัทสเปซเอ็กซ์ ก่อนที่จะแยกตัวออกมาในปีถัดมา
เป้าหมายสำคัญของมัสก์ในการก่อตั้งบริษัทนี้คือ การขุดอุโมงค์เพื่อใช้ในโครงการ “ลูป” (loop) และ “ไฮเปอร์ลูป”(hyperloop) ซึ่ง ลูป คือ ระบบขนส่งสาธารณะ โดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ทำความเร็วได้ราว 250 กม./ชม. ในปัจจุบันบริษัทได้ดัดแปลงรถยนต์เทสลารุ่น Model X และทำการขยายโครงรถเพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 16 คน
ส่วนไฮเปอร์ลูป คือ ระบบขนส่งสาธารณะความเร็วสูง เป็นการเดินทางด้วยท่อแคปซูลผ่านอุโมงค์สุญญากาศ ด้วยแรงขับแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากล้อและลม จึงเป็นการใช้พลังงานที่ประหยัดที่สุด และสามารถทำความเร็วได้ถึงกว่า 965 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเครื่องบินโดยสารที่ทำความเร็วราว 700-900 กม./ชม. เท่านั้น
ถือว่าเป็นนักธุรกิอจหัวคิดล้ำหน้า และเป็นนักพัฒนาอีกคน ที่สำคัญของโลกเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามเขายังไม่หยุดที่จะพัฒนา และริเริ่มโครงการใหม่ๆขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ต้องติดตามต่อไปว่าเราจะได้เห็นการพัฒนา หรือโครงการอะไรใหม่ๆจากเขาอีกหรือไม่ค่ะ
เรื่องสยองขวัญ วิญญาณเฮี้ยนตามติด เป็นประสบการณ์ตรงจาก ชายท่านหนึ่ง ที่ได้ประสบพบเจอกับเรื่องน่าขนลุกขนพอง เกี่ยวกับหญิงสาวนิรนามที่กำลังติดตามเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ไม่แนะนำให้อ่านเรื่องนี้คนเดียว ตอนกลางคืน เพราะมันจะทำให้คุณหลอนจนนอนไม่หลับเลยล่ะ อยากรู้เรื่องราวเป็นอย่างไร คลิ๊กที่ลิ้งค์แนบด้านบนได้เลย
อ่านบทความเพิ่มเติม : การกระโดดเชือกเผาพลาญมากกว่าการวิ่งอีกนะ