คุณประโยชน์ของ’ชาเขียว’ที่ คุณอาจยังไม่เคยรู้

ชาเขียว (Green tea) เป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากการนำใบอ่อนของต้นชามาผ่านความร้อนและกรรมวิธีเพื่อผลิตเป็นน้ำชาเขียว ในชาเขียวมีสารเคมีมากมายที่อาจเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่เชื่อว่าอาจช่วยป้องกันกระบวนการอักเสบบวม ปกป้องกระดูกอ่อน ลดการเสื่อมของข้อต่อ รวมทั้งอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) และอาจช่วยลดอัตราการเติบโตของเซลล์เนื้อเยื่อที่ผิดปกติในมดลูกได้

สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียว จะประกอบไปด้วยกรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี สารในกลุ่ม xanthine alkaloids คือ คาเฟอีน และธิโอฟิลลีน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่เรียกว่า คาเทชิน

   การดื่มชาเขียวให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากสารสำคัญในใบชาเขียวกลุ่มโพลีฟีนอล ที่ชื่อว่า เคทิชิน (Catechins) จะทำหน้าที่จับกับอนุมูลอิสระและขัดขวางการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยต้านโรคภัยได้มากมาย เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งได้

5 คุณประโยชน์ของชาเขียวที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

1.ดีต่อสุขภาพสมอง
มีการค้นพบว่า การดื่มชาเชียวสามารถช่วยป้องกันการก่อตัวของคราบพลัค (Plaque) โดยมีความเชื่อมโยงกับการเป็นโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ดังนั้นการดื่มชาเขียววันละ 1-2 แก้วนั้นอาจช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ได้

2. ลดระดับของน้ำตาลในเลือด
ชาเขียวมีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เสถียนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อีกทั้งการดื่มชาเขียวสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนอินซูลินในตับอ่อนและช่วยดูดซึมกลูโคสในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 1 ตลอดจนช่วยลดน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นอย่างฉับพลันในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 ได้นั่นเอง

3. ลดคอเลสเตรอล
คุณทราบหรือไม่ว่า ชาเขียว มีสรรพคุณในการช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีอย่าง LDL (Low-density lipoprotein)ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ และทำการเพิ่ม HDL (High-desity lipoprotein) ซึ่งถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของไขมันชนิดดี

4. ควบคุมน้ำหนัก
มีหลายผลการศึกษาพบว่า การดื่มชาเขียววันละแก้วสามารถช่วยลดไขมันในร่างการได้โดยเฉพาะไขมันส่วนท้อง รวมถึงช่วยควบคุมน้ำหนักอีกด้วย บอกจากนี้ชาเชียวยังมีสารแคทีชิน (Catechins) ที่ช่วยสร้างความร้อนในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญแคลอรีได้ดีมากขึ้น

5. ป้องกันผมร่วง
เนื่องจากชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารแคทีชิน (Catechins) ที่ช่วยป้องกันการเกิดผมร่วงและมีสาร EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งมีบทบาทในการช่วยกระตุ้นการงอกของผม

ความแตกต่างระหว่างผงชาเขียวธรรมดากับผงชาเขียวมัทฉะ

ปกติแล้ว ผงชาเขียวจะถูกแบ่งประเภทตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก โดยมีการกำหนดว่า ต้องการให้ผงชาที่ออกมาเป็นประเภทไหน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการทำให้เป็นผงที่แตกต่างกัน ทำให้วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยวและกระบวการอบแห้งของผงชาเขียวแต่ละประเภทไม่เหมือนกันนั่นเอง โดยผงชาเขียวที่ได้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. ผงชาเขียวธรรมดา
มีกระบวนการบดที่ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ส่วนใหญ่นำมาชงด้วยวิธีการกรองเอาใบชาออกจนได้เป็นน้ำชาใสๆ ที่มีกลิ่น และรสชาติไม่เข้มข้นมากนัก ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น ใบชาเขียวประเภทนี้จะไม่ละเอียดมาก และอาจมีสีเข้มขึ้น เนื่องจากผ่านการบดที่โดนความร้อน

2. ผงชาเขียวมัทฉะ
“มัทฉะ” เป็นผงชาเขียวที่มีราคาแพงกว่าแบบธรรมดาหลายเท่าตัว เนื่องจากกระบวนการทำมีความยุ่งยากมากกว่า โดยในการบดจะต้องใช้เทคโนโลยีที่จะไม่ทำให้ใบชาโดนความร้อน เพื่อรักษาสีเขียวของใบ ทำให้มีรสชาติที่สดใหม่เหมือนเด็ดจากต้น และมีคุณค่าของใบชาสมบูรณ์แบบมากที่สุด

เมื่อบดออกมาแล้ว ผงชาเขียวที่ได้จะมีความละเอียดมากๆ สามารถนำไปชงละลายน้ำได้ทันที และได้รสชาติที่เข้มข้นมากกว่าผงชาเขียวธรรมดา คนส่วนมากนิยมนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องดื่ม ขนมหวาน รวมไปถึงอาหารบางชนิดอีกด้วย

ดื่มชาเขียวปริมาณเท่าไรจึงจะได้ประโยชน์

  การรับประทานชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ จะต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่นและต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 20 แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะสามารถป้องกันมะเร็งได้ ซึ่งในทางปฏิบัติอาจทำได้ยาก และยิ่งการดื่มน้ำชาเขียวปัจจุบันเป็นชาเขียวที่เจือจาง ทั้งยังปรุงรสแต่งกลิ่นและรสด้วยน้ำตาล ซึ่งหากดื่มมาก ๆ อาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้

   ส่วนการดื่มชาร้อนนั้น มีผลวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระในชาจะหายไปประมาณ 20% หากโดนความร้อนนาน ๆ และให้เคล็ดลับการชงชาเขียวให้สารต้านอนุมูลอิสระคงอยู่ ทำได้โดยบีบมะนาวลงไประหว่างชงชา จะคงประโยชน์ของชาไว้ได้มากที่สุด

สาร EGCG คืออะไร?

สาร EGCG ย่อมาจากคำว่า “Epigallocatechin gallate” เป็นสารกลุ่มคาเทชิน (Catechins) หลักที่พบได้มากในชาเขียว
โดยสาร EGCG จัดเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลายด้าน เช่น

  • ต้านอนุมูลอิสระ
  • ลดการอักเสบ
  • เพิ่มความสามารถในการจดจำ
  • มีฤทธิ์ต่อการทำงานของเซลล์ไขมัน
  • ลดไตรกลีเซอไรด์
  • ลดคอเลสเตอรอล
  • เพิ่มการใช้พลังงาน
  • เพิ่มสันดาปไขมันในสัตว์ทดลอง
  • ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้
  • ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน
  • ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง

เมื่อแม่ท้องอยากดื่มชา กาแฟ ดื่มอย่างไรให้เหมาะ ไม่ทำลายสุขภาพ!

จะเห็นได้ว่าโทษจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนปริมาณมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์นั้นก็มีอย่างมากทีเดียว ดังนั้น หากต้องการดื่มจริงๆ ในคนที่ไม่สามารถงดได้เลย ก็ควรดื่มในปริมาณจำกัดต่อวันจะดีที่สุด โดยอาจดื่มเพียงแก้วเล็กๆ ให้พอหายอยากก็พอแล้ว เพราะหากยังคงดื่มในปริมาณแก้วกลางปกติ รู้มั้ยคะว่าร่างกายของคุณก็จะได้รับปริมาณคาเฟอีนสูงถึง 60-150 มิลลิกรัมเลยทีเดียว

แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องการดื่มชาเขียวหรือชาซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอยู่น้อยกว่ากาแฟมาก ก็อาจจะงดดื่มกาแฟแล้วหันมาดื่มชาเขียวหรือชาแทนก็ได้เช่นกัน เพราะชาหรือชาเขียวนั้นจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 40-60 มิลลิกรัมต่อแก้วเท่านั้น

อย่าลืมนะว่าหากต้องการดื่มชาเขียวเพื่อให้ได้ผลดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง เราควรชงชาดื่มด้วยตัวเอง เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้ลิ้มรสชาติของชาอย่างเต็มที่แล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากชา ในขณะที่การดื่มชาเขียวแบบสำเร็จรูป สารสำคัญจากชาบางส่วนก็จะถูกทำลายไปในระหว่างกระบวนการผลิตอย่างหมดสิ้นแล้ว สิ่งที่ร่างกายจะได้รับก็คงมีเพียงน้ำตาลปริมาณสูงที่นำมาซึ่งโรคต่างๆ ในอนาคตนั่นเอง

ดูสาระน่ารู้ เรื่องน่ารู้

ขอบคุณผู้สนับสนุน slotxo